ดูรุ่นเต่าทอง

vw_Cabriolet.jpg (29752 bytes)

การสังเกตรูปพรรณของรถโฟล์คว่าเป็นร่นไหนนั้นไม่มีอะไรเชื่อถือได้เท่า ตรวจดูหมายเลขแชสซีส์ ซึ่งพิมพ์ติดอยู่ที่ใต้เบาะที่นั่งหลังแห่งหนึ่ง และที่แผ่นป้ายอลูมิเนียมหลังที่วางยางอะไหล่อีกแห่งหนึ่ง รถบางคันใช้ตัวถังเก่าแต่เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ฉะนั้นหมายเลขเครื่องยนต์ซึ่งพิมพ์อยู่ใต้ฐานรองไดนาโมชาร์จควรนำมาประกอบการพิจารณาด้วย

เต่าทองปี 1949 (แชสซีส์หมายเลข 19 922 ถึง 138 554)

เป็นปีแรกที่โรงงานเริ่มใช้สายดึงจากภายในรถสำหรับเปิดฝากระโปรงหน้ารถ ในรุ่นปีก่อนๆใช้วิธีกดปุ่มที่มือจับฝากระโปรง เป็นปีแรกที่เริ่มใช้ไฟฟ้าสตาร์ทเครื่องยนต์ ปีก่อนนั้นใช้มือหมุน

เต่าทองปี 1950 (แชสซีส์หมายเลข 138 555 ถึง 220 471)

โรงงานเริ่มเปลี่ยนระบบเบรคมาเป็นไฮโดรลิค รุ่นก่อนนั้นเบรคทำงานโดยอาศัยการดึงของสายเคเบิ้ล ท่อไอดีเริ่มมีท่อไอร้อน (Heat Raiser) ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป แผงหน้าปัทม์มีช่องเขี่ยบุหรี่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง

เต่าทองปี 1951 (แชสซีส์หมายเลข 220 472 ถึง 313 829)

ปีนี้ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากปีที่แล้ว โรงงานเพิ่มเครื่องหมายโฟล์คติดเข้าไปหนึ่งอันที่ฝากระโปรงหน้าเหนือมือจับ

เต่าทองปี 1952 (แชสซีส์หมายเลข 313 830 ถึง 428 156)

ปีนี้เปลี่ยนแปลงน้อยเช่นกัน กระทะล้อเปลี่ยนจากของเดิม 16 นิ้ว เป็นล้อ 15 นิ้ว หน้าต่างเริ่มติดกระจกหูช้างระบายลม ในรถรุ่นก่อนๆ เป็นกระจกแผ่นเดียว มือจับลูกบิดฝาครอบเครื่องท้ายรถเปลี่ยนเป็นตัว T ในรถรุ่นก่อนทำมนๆ ที่เก็บของหน้ารถเริ่มมีฝาปิดในรถรุ่นก่อนเปิดโล่ง

เต่าทองปี 1953 (แชสซีส์หมายเลข 428 157 ถึง 575 414)

เป็นปีแรกที่กระจกหลังซึ่งแต่เดิม ทำเป็นสองบานแฝดเปลี่ยนเป็นกระจกแผ่นเดียว แต่ขนาดยังเล็กเท่าเดิม

เต่าทองปี 1954 (แชสซีส์หมายเลข 575 415 ถึง 722 934)

โรงงานเริ่มเปลี่ยนความจุกระบอกสูบจากของเดิม 1,100 cc. เป็น 1,200 cc. กำลังม้าเพิ่มจาก 35 แรงม้า เป็น 36 แรงม้า ในรถรุ่นก่อนๆ ปุ่มสตาร์ทกับกุญแจสวิทช์อยู่แยกกัน ปีนี้โรงงานทำมารวมอยู่ที่เดียวกัน

เต่าทองปี 1955 (แชสซีส์หมายเลข 722 935 ถึง 925 745)

โรงงานทำกระพริบสัญญานเลี้ยวแทนแขนยกที่ติดอยู่ข้างตัวรถในรถรุ่นก่อนๆ ไฟเลี้ยวรุ่นแรกนี้ไว้ต่ำทางส่วนล่างของบังโคลน แต่เดิมโรงงานเปลี่ยนรุ่นรถตามปีปฎิทิน รถที่ผลิตปี 1955 โรงงานปิดรุ่นในเดือนกรกฏาคมปีนั้น พอขึ้นเดือนสิงหาคมโรงงานถือเป็นศักราชใหม่ผลิตรถรุ่นปี 1956 ทั้งนี้เพื่อให้คล้องจองกับรุ่นรถที่ผลิตในอเมริกา

เต่าทองปี 1956 (แชสซีส์หมายเลข 925 746 ถึง 1 246 618)

รถรุ่นนี้เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 1955 เป็นต้นไป รุ่นนี้โรงงานติดปลายท่อไอเสียคู่ชุบโครเมียม ในรถรุ่นก่อนปลายท่อไอเสียมีท่อเดียว กันชนหน้าหลัวเริ่มประดับประดาท่อโค้งกลมโก่งเป็นคันศรอยู่เบื้องบน ปีนี้ โรงงานขายรถในอเมริกาได้ถึง 50,000 คัน

เต่าทองปี 1957 (แชสซีส์หมายเลข 1 246 619 ถึง 1 600 439)

กระจกหลังแคบ ไฟเลี้ยวหน้าติดไว้ต่ำมองเห็นได้ยาก ไฟหลังเล็ก รถรุ่นนี้จุดอ่อนอยู่ที่ห้องเกียร์ เกียร์ถอยหลังเข้ายาก เมื่อใช้ไปสัก 70,000 กิโลเมตร เบรครุ่นนี้เล็ก รถรุ่นนี้ถ้ายังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบันคงเปลี่ยนห้องคลัตช์ไปหลายครั้งแล้ว รุ่นนี้เดิมทีเดียวลูกปืนคลัตช์เป็นถ่าน หากเจ้าของเปลี่ยนมาใช้เป็นชนิดลูกปืนตลับก็จะดีขึ้น จุดที่ต้องตรวจเวลาซื้อสำหรับรถรุ่นนี้คือ ระบบการทำงานของเบรค คลัตช์ ไดนาโมชาร์จ รอยรั่วตรงห้องเกียร์ ยางบู๊ชครอบเพลาหลัง เฟืองเกียร์พวงมาลัย

เต่าทองปี 1958 (แชสซีส์หมายเลข 1 600 440 ถึง 2 007 615) และเต่าทองปี 1959 (แชสซีส์หมายเลข 2 007 616 ถึง 2 528 667)

ลักษณะส่วนใหญ่เหมือนรถปี 1957 กระจกหลังขยายใหญ่ขึ้น ไฟสัญญานเลี้ยวขึ้นมาอยู่ตรงส่วนบนของบังโคลน เบรคทำใหญ่ขึ้นกว้างกว่ารุ่นก่อน คลัตช์ปรับปรุงแข็งแรงขึ้น รถสองปีนี้เป็นรุ่นที่น่าซื้อใช้ เครื่องยนต์รุ่นนี้ทนทานมีชื่อมาก เจ้าของรถหลายคันใช้รถได้ถึง 100,000 กิโลเมตร โดยไม่ต้องถอดออกมายกเครื่อง จุดที่ต้องเพ่งเล็งตรวจสอบเมื่อจะซื้อเหมือนกับรถรุ่นปี 1957

เต่าทองปี 1960 (แชสซีส์หมายเลข 2 528 668 ถึง 3 192 506)

รุ่นนี้เริ่มเปลี่ยนทำพวงมาลัยเป็นเบ้าลึกลงไปเพื่อช่วยให้จับพวงมาลัยได้ถนัดขึ้น มือจับประตูเปลี่ยนจากแบบเก่าซึ่งต้องง้างออกเป็นแบบกดปุ่มเปิด ปีนี้โรงงานติดเหล็กกันโคลงหน้าเพื่อให้รถเกาะถนนดีขึ้น รถไม่แกว่งเมื่อวิ่งในความเร็วสูงตัดกระแสลม ระบบพวงมาลัยมีการเพิ่มโชคอัพพวงมาลัย (Steering Damper) เข้าไปหนึ่งตัวกันพวงมาลัยสั่น ไดนาโมชาร์จเพิ่มกำลังจาก 160 โวลท์ เป็น 180 โวลท์ คือเพิ่มขึ้นจากเดิม 12% รุนนี้เป็นรุ่นที่มีประสิทธิ์ภาพยอดเยี่ยมที่สุด และเป็นรถขนาดเครื่องยนต์ 36 แรงม้ารุ่นสุดท้าย จุดเพ่งเล็งที่ต้องตรวจสอบเหมือนรุ่นก่อน

เต่าทองปี 1961 (แชสซีส์หมายเลข 3 192 507 ถึง 4 010 994)

เป็นปีแรกที่โรงงานเปลี่ยนเครื่องยนต์จาก 36 แรงม้าขึ้นเป็น 40 แรงม้า เคล็ดในการสังเกตเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นให้ดูที่ฐานรองรับใดนาโมชาร์จของเครื่องยนต์ท้ายรถ รุ่น 36 แรงม้า ฐานหล่อเป็นชิ้นเดียวกันกับเสื้อเครื่อง (Crankcase) รุ่น 40 แรงม้า ฐานต่อเข้ากับเสื้อเครื่อง โดยยึดตัวบนยอด 4 ตัว การเปลี่ยนแปลงของรถรุ่นนี้ ปรากฏว่ามีข้อบกพร่องอยู่หลายประการ เริ่มต้นตั้งแต่การผลิตในปีนั้นโรงงานในเยอรมันนีต้องสั่งซื้อเหล็กกล้าไปจากอเมริกา เนื้อเหล็กรุ่นนี้สู้รุ่นก่อนไม่ได้ รุ่นนี้มีเรื่องปวดหัวตรงตีนวาล์วคือ วาล์วดังห้องเกียร์ รุ่นนี้ไม่ค่อยทนสืบเนื่องมากจากเนื้อเหล็กที่ว่า รถรุ่นนี้ทำ”ชื่อเสีย” ตรงที่เกียร์ 4 หลุดเก่งและเฟืองเกียร์ดัง ฉะนั้นถ้าซื้อรถรุ่นนี้ระวังให้จงหนักการเปลี่ยนแปลงของรถรุ่นนี้มีดังนี้ มีปุ่มกดน้ำล้างกระจก เนื้อที่ใส่ของหน้ารถกว้างขึ้น ขั้วต่อสายไฟเปลี่ยนมาใช้ขั้วเสียบรูปใบพาย สวิตช์สตาร์ทมีล็อคกันสตาร์ทรถซ้ำ

เต่าทองปี 1962 (แชสซีส์หมายเลข 4 010 995 ถึง 4 846 835)

รุ่นนี้ได้มีการแก้ไขข้อบกพร่องของรุ่นก่อนให้ดีขึ้น ไฟท้ายขยายใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตามเครื่องยนต์ยังคงมีอาการรวนโดยเฉพาะห้องเกียร์ระบบซินโครเมช เกียร์รุ่นนี้โรงงานมาแก้ตกไปตอนกลางปี คือ ตั้งแต่เลขแชสซีส์ 4 500 000 อาการรวนของห้องเกียร์จึงหายไป ถ้าจะซื้อรุ่นนี้ขอแนะนำให้ซื้อตั้งแต่เลขแชสซีส์ 4 500 000 ขึ้นไป รุ่นนี้น้ำล้างกระจกใช้ดันด้วยการอัดลมเข้าไปในหม้อน้ำ เฟืองเกียร์พวงมาลัยเปลี่ยนเป็นแบบ Worm and Roller ทำให้ลดความสึกหรอลง คันกดน้ำมันถังอะไหล่ที่ใช้มาในรถรุ่นก่อน ๆ หายไป รุ่นนี้เริ่มใช้เกจ์น้ำมันแทน ฝากระโปรงเปิดหน้ารถใช้ดันด้วยสปริงแทนขาพับอย่างรุ่นก่อนซึ่งเติมน้ำมันทีไรเผลอ ๆ เด็กที่ปั๊มกดผากระโปรงปิดขาพับดันฝากระโปรงงอบุบเป็นรอยทุกทีไป

เต่าทองปี 1963 (แชสซีส์หมายเลข 4 846 836 ถึง 5 677 118)

รถรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมกลางปีด้วย ฉะนั้นรุ่นปลายปีจึงมีอะไรบางอย่างแตกต่างไปจากรถที่ออกมาตอนต้นปี เรียกกันว่ารุนหัวมงกุฎท้ายมังกร ผ้าหุ้มเบาะเปลี่ยนใช้วัสดุใหม่ตอนกลางปีแบบใหม่ช่วยให้ล้างทำความสะอาดง่าย พื้นรถมีการบุกระดาษน้ำมันช่วยให้เสียงเงียบ รางใส่บานกระจกหน้าต่างใช้ในล่อน ติดระบบไออุ่นทำด้วยกระดาษย่นสองทองจากกรอบพัดลมตรงเครื่องยนต์ท้ายรถเป็นที่สังเกตก็ได้

เต่าทองปี 1964 (แชสซีส์หมายเลข 5 677 119 ถึง 6 502 399)

รถปีนี้ที่ทำเป็นหลังคาเปิดให้สังเกตง่าย เพราะเป็นปีแรกที่โรงงานเปลี่ยนจากหลังคาผ้าใบเป็นหลังคาแผ่นเหล็ก เวลาปิดเปิดใช้หมุน คันหมุน คันกดแตรที่พวงมาลัยเปลี่ยนจากครึ่งวงกลมมาเป็นก้านตรง ๆ ไฟส่องป้ายเปลี่ยนจากกระเปาะกลมโดยขยายรีกว้างขึ้น วัสดุที่ใช้หุ้มเบาะเปลี่ยนใหม่ รุ่นนี้เครื่องยนต์ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่น 1963

เต่าทองปี 1965 (แชสซีส์หมายเลข 115 000 000 ถึง 115 979 200)

รุ่นนี้มีการขยายกระจกหน้ารถกว้างออกไปอีกหน่อย ที่ปัดน้ำฝนเปลี่ยนจากแบบเก่าแข็งทื่อ ๆ เป็นแบบสปริงโค้งให้ยืดหยุ่นได้ เบาะนั่งเปลี่ยนแบบใหม่เพื่อช่วยให้ที่นั่งหลังกว้างขึ้น ที่บังแดดทำที่ยึดใหม่เพื่อให้ปรับตั้งได้ง่าย ประแจปิดฝาครอบเครื่องยนต์ท้ายรถเปลี่ยนจากวิธีจับบิดเป็นแบบกดปุ่ม รุ่นนี้มีการปรับปรุงเปลี่ยนเลขรหัสแชสซีส์ใหม่เพื่อให้สะดวกแก่การจำ เลขนำหน้าสองหลักแรกคือ 11 หมายถึงรถแบบที่ 1 อันหมายถึงรถเต่าทอง (แบบที่ 2 หมายถึงรถโฟล์คตู้, แบบที่ 3 หมายถึงรถรุ่น 1500 แบบท้ายลาดและแบบตรวจการณ์ แบบที่ 4 หมายถึงรถประตู) เลขหลักที่ 3 คือ เลข 5 หมายถึงปี 1965

เต่าทองปี 1996 (แชสซีส์หมายเลข 1166 000 000 ถึง 116 1 1021 298)

ในปีนี้โรงงานเสนอรถเต่าทอง 1300 cc. ออกสู่ตลาดควบคู่กับเต่าทอง 1200 cc.เดิม เครื่องยนต์ 1300 cc. เพิ่มกำลังเครื่องยนต์จาก 40 แรงม้า เป็น 50 แรงม้า กระทะล้อฉลุเป็นรูไว้ระบายอากาศช่วยไม่ให้เบรคร้อน ฝาโครเมียมครอบล้อทำแฟบลงเพื่อกันไม่ให้ไปครูดกับขอบถนนเวลาเทียบจอด เครื่องยนต์ 1300 cc. มีช่วงชักของก้านสูบยาวกว่าเครื่องยนต์รุ่นก่อนเครื่องยนต์รุ่นนี้จึงปรับหรือโมดิฟายขึ้นเป็น 1500 cc. หรือ1600 cc. ได้ง่ายโดยเปลี่ยนแต่เพียงลูกสูบ และกระบอกสูบ รุ่นนี้เริ่มติดแบริ่ง (ที่เรียกกันว่าชาฟท์บ้าง ตุ๊กตาบ้าง) ที่ราวลิ้นฝาสูบเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นเก่า Regulator หรือคัทเอาท์ไดนาโมชาร์จใช้ทรานซิสเตอร์ จึงต้องอพยพหนีความร้อนจากห้องเครื่องยนต์จากที่เคยวางบนไดนาโมชาร์จเข้าไปอยู่ใต้เบาะที่นั่งหลัง คันบีบแตรกลับไปใช้แบบครึ่งวงกลมอีก มีไฟสัญญาณกระพริบสี่ทางติดเข้าไปเป็นอุปกรณ์ติดรถ ไฟดิ๊พสูงต่ำเปลี่ยนจากติดพื้นโดยใช้เท้ากดขึ้นมาอยู่ที่ก้านไฟเลี้ยว

เต่าทองปี 1967 (แชสซีส์เริ่มตั้งแต่ 117 000 001)

โรงงานเริ่มเสนอรถเต่าทองขนาด 1500 cc. ออกมาอีกรุ่นหนึ่ง สำหรับลูกค้าเลือกซื้อตามอัธยาศัย เครื่องยนต์ 1500 cc. ให้กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 53 แรงม้า เครื่องยนต์ที่ใช้ในรุ่นนี้ก็คือ เครื่องยนต์ของปีที่แล้วนั่นเองแต่มาโมดิฟายเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นระบบไฟฟ้าเริ่มเปลี่ยนจาก 6 โวลท์ เป็น 12 โวลท์ ช่วยให้รถสตาร์ทง่าย ไฟกลางคืนสว่างขึ้น เครื่องล่างคานบิดล้อหลังทำให้อ่อนลง เพื่อให้นุ่นนวลขึ้น และติดคานรูปตัวแซด (Z Bar) เข้าไป คานนี้ทำหน้าที่กันโคลงและช่วยคานน้ำหนักเมื่อรถบรรทุกเกินกำหนด (Over Load)

เต่าทองปี 1968 (แชสซีส์หมายเลข 118 000 001 ถึง 118 1 016 098)

ปีนี้โรงงานผลิตเต่าทองออกมาหลายแบบให้เลือกเริ่มต้นประเดิมด้วยรถ 1200 cc. รุ่นประหยัด นัยว่าทำออกมาขายลดค่าครองชีพ แต่ราคาขายจริงกลับแพงกว่ารถ 1200 cc. ในปีก่อน ๆ รถรุ่นประหยัดโรงงานตัดเอาเครื่องประดับประดาเช่น คิ้วโครเมียมออก แล้วก็มีรถ 1300 cc. 1500 cc. สำหรับรุ่น 1500 cc. โรงงานเสนอเกียร์กึ่งออโตเมติคออกมาให้ลูกค้าเลือกตามชอบใจ รุ่นนี้สังเกตุง่ายตรงที่กันชนเริ่มเปลี่ยนเป็นเหล็กแผ่นเดียวไม่มีเหล็กกลมโค้งประดับเบื้องบนอย่าง ในรุ่นก่อน ๆ ช่องเติมน้ำมันเลื่อนมาไว้ข้างนอกทางขวามือของตัวรถ มือจับประตูเปลี่ยนเป็นแบบกลไกแทนปุ่ม ปุ่มลูกบิดภายในมีพลาสติกสีดำหุ้ม

เต่าทองปี 1969 (แชสซีส์หมายเลข 119 000 001 ถึง 119 1 093 740)

รุ่นนี้ในรถ 1500 cc. ดรงงานปรับปรุงเพลาหลัง จากระบบ Swing Axles มาเป็นระบบข้อต่อสองตอน Double Joint Axles ระบบนี้ความจริงโรงงานเริ่มนำมาใช้ในรถเกียร์กึ่งออโตเมติคตั้งแต่ปีที่แล้ว ระบบใหม่นี้ทำให้ล้อหลังเต่าทองตั้งได้แนวดิ่งกับพื้นไม่หุบเข้าอย่างในรถรุ่นก่อน ๆ ช่องเติมน้ำมันปรับปรุงเพิ่มเติมจากปีที่แล้วให้มีล็อคและปลดล็อคด้วยการดึงห่วงใต้แผงหน้าปัทม์ด้านคนขับ กลไปเปิดกระโปรงหน้ารถเปลี่ยนจากปุ่มดึงเป็นคันโยกเก็บซ่อนอยู่ในช่องเก็บของซึ่งเมื่อเจ้าของรถปิดกุญแจห้องเก็บของ ช่วยกันขโมยให้เปิดกระโปรงหน้ารถยากขึ้น

เต่าทองปี 1970 (แชสซีส์หมายเลข 100 2000001 ถึง 110 3097089)

รุ่นนี้จุดเด่นที่สังเกตได้ง่ายคือครีบฉลุระบายอากาศที่ฝาครอบเครื่องยนต์ท้ายรถ รถที่ผลิตในปีนี้โรงงานปรับเครื่องยนต์จาก 1500 cc. ในรุ่นก่อน ๆ เป็น 1600 cc. กำลังเครื่องยนต์เพิ่มจาก 53 แรงม้า เป็น 57 แรงม้า ไฟเลี้ยวหน้ารถและท้ายรถขยายใหญ่ออกไปอีกและมีกรอบพลาสติกให้แสงไฟส่องออกไปทางด้านข้างของเรือนไฟเลี้ยวด้วย

เต่าทองปี 1971 (แชสซีส์หมายเลข 111 2000001 เป็นต้นไป)

มีรถใหม่อออกเสนอสองแบบคือ 1302 กับ 1302 S 1302 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1300 cc. ส่วน 1302 S เป็นเต่าทองเครื่องยนต์ 1600 cc. รถรุ่นนี้โรงงานปรับเครื่องยนต์จาก 57 แรงม้า เป็น 60 แรงม้า ระบบล้อหน้าเปลี่ยนศักราชใหม่เป็นคอยส์สปริงแทนคานบิด