Passat

Passatเป็นเวลามากว่ายี่สิบปี ที่วิศวกรของโฟล์คสวาเก้น ได้คิดค้นและพัฒนาโฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" รุ่นต่างๆออกมาตอบสนองความต้องการของ ผู้ใช้รถทั่วโลก โดยเเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1973 เป็นต้นมา จนถึงปี ค.ศ. 1996 โฟล์คสวาเก้น ได้ผลิต โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" ออกมาแล้วถึง 4 รุ่นด้วยกันโดยในแต่ละรุ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านของคุณภาพที่เพิ่มมากขึ้น , รูปลักษณ์ที่ทันสมัย และเรื่องของความปลอดภัย รวมถึงอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับควาามต้องการและเทคโนโลยีใหม่ๆ

โฟล์คสวาเก้น พัสสาท ได้รับอิทธิพลมาจาก รถยนต์ในตระกูล เค (K) ของโฟลค์สวาเก้น โดยมาจากรุ่น เค70 ( K70 ) ค.ศ.1971 ซึ่ง โฟลค์สวาเก้น เค70 นั้น เป็นรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานของรถยนต์ เอ็นเอสยู ( NSU ) ซึ่งในขณะนั้น เอ็นเอสยู ได้รวมกิจการกับ เอาดี้ โดยใช้ชื่อว่า เอาดี้เอ็นเอสยูออโต้ยูเนี่ยน เอจี โดยโฟล์คสวาเก้นมีสัดส่วนในการถือหุ้นของเอาดี้ ถึง 59.5เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น รถในตระกูล เค (รุ่นเค70) จึงไม่ใช่ทั้ง เอ็นเอสยู หรือ เอาดี้ แต่ได้ใช้ชื่อใหม่เป็น โฟล์คสวาเก้น รุ่นเค70 ซึ่งจุดเด่นของรถรุ่นนี้จะอยู่ที่การวางเครื่องยนต์ตามยาวด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งในอดีตรถยนต์โฟล์คสวาเก้น ไม่เคยมีรถที่วางเครื่องยนต์ด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อหน้าเลย
โฟล์คสวาเก้น เค70 นั้น ถ้าจะนับไปแล้ว ยังไม่ใช่รถยนต์ที่สร้างสรรค์โดยวิศวกรของโฟล์คสวาเก้น100เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นจึงอาจจะกล่าวได้ว่า รถยนต์โฟลค์สวาเก้น พัสสาท เป็นรถยนต์รุ่นแรก และแบบแรก ของโฟลค์สวาเก้น ที่ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ เครื่องยนต์วางตามยาวด้านหน้า และขับเคลื่อนล้อหน้า  และรถอีกรุ่นหนึ่งของโฟลค์สวาเก้นที่ถือว่าน่าจะมีอิทธิพลต่อรถยนต์โฟลค์สวาเก้น พัสสาท รุ่นแรก ก็คือ โฟลค์สวาเก้น รหัส4 (รุ่น 411) ค.ศ.1968 ซึ่งรูปร่างและรูปทรงของ รุ่น411 นั้นมีเค้าเหมือนกับ พัสสาทรุ่นแรกมาก แต่ต่างที่เครื่องยนต์ของโฟลค์สวาเก้น รุ่น 411นั้น
ยังคงเป็นเครื่องยนต์วางหลังที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ

พัสสาท รุ่นแรก ( B1 )

ค.ศ. 1973
ต้นเดือน กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1973 โฟลค์สวาเก้น ได้เผยโฉม "พัสสาท" รถยนต์นั่งแนวคิดใหม่ของโฟลค์สวาเก้น ซึ่งเป็นรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ที่สุดของโฟลค์สวาเก้นโดยมี รหัสที่ใช้เรียกเป็นการภายในว่า บีวัน ( B1 ) ด้วยรูปทรงและรูปลักษณ์ในสไตล์ ฟาสต์แบค ( Fastback ) โดยมี ด้านท้ายลาด ฝากระโปรงท้ายมีขนาดเล็ก การออกแบบรถยนต์โฟลค์สวาเก้น พัสสาท รุ่นแรก นั้น ได้รับการออกแบบจากนักออกแบบรถยนต์ฝีมือเยี่ยมชาวอิตาลี นามว่า "จูเจียโร" นักออกแบบรถยนต์ชื่อดัง โดยออกแบบที่ สำนักอีตันดีไซน์ ที่ประเทศอิตาลี ใช้เครื่องยนต์3ขนาดให้เลือกใช้ โดยเริ่มที่ เครื่องยนต์1300ซีซี , เครื่องยนต์1500ซีซี และ เครื่องยนต์1600ซีซี เครื่องยนต์รุ่นต่างๆสามารถที่จะให้กำลังแรงม้าตั้งแต่ 55แรงม้า(DIN) 75แรงม้า(DIN) และ 85แรงม้า(DIN) (ตั้งแต่ 40 ถึง 63 กิโลวัตต์) โดยมีให้เลือกในแบบของรถ 4 ประตู , 2 ประตู โดยมีรหัสต่อท้ายรุ่นดังนี้ PASSAT L , PASSAT S , PASSAT LS และ PASSAT TS โดยรหัสที่ต่อท้าย PASSAT จะเป็นการบ่งบอกถึง ซีซีของเครื่องยนต์ การตกแต่ง และ  อุปกรณ์พิเศษภายใน  จุดเด่นของ โฟล์คสวาเก้น พัสสาท รุ่นแรก ก็คือ เป็นรถยนต์ที่วางเครื่องยนต์ตามยาว และ ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า เป็นเครื่องยนต์แบบ OHC (โอเวอร์เฮดแคมชาร์ป) 4สูบแถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ โครงสร้างตัวถังทำจากเหล็กกล้ากันสนิมทั้งคัน (unitary construction all-steel body) และ ระบบศูนย์ล้อเป็นแบบ negative steering roll radius ในเดือน ตุลาคม ปีเดียวกัน โฟล์คสวาเก้น ได้แนะนำ โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท แวเรียนท์" โดยเป็นรถตรวจการ 5 ประตู โดยรถยนตฺ์รุ่นนี้นับเป็นรถยนต์รุ่นแรกของโลก ที่ใช้ถังน้ำมันที่ทำจากพลาสติกที่มีน้ำหนักเบา แต่มีความทนทานและปลอดภัยสูง

ค.ศ. 1975
ได้มีการเปลี่ยนแปลงฝากระโปรงท้ายของ "พัสสาท" ( B1 ) ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าของรุ่นเดิม โดยของใหม่ สามรถยกเปิดเป็นชิ้นเดียวกัน โดยยกได้พร้อมกับกระจกบังลมด้านหลัง

ค.ศ. 1976
โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" บี1 ( B 1 ) คันที่ 1,000,000 ได้ถูกปล่อยออกจากสายการผลิต ณ โรงงานโฟล์คสวาเก้น เมือง
WOLFBURG ประเทศเยอรมัน

ค.ศ. 1977
ได้มีการนำเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 50 แรงม้า ( 37 กิโลวัตต์ ) มาใช้กับ พัสสาท อีกหนึ่งรุ่น พร้อมทั้งได้มีการเปลี่ยนแปลงภายนอก
วัสดุที่ใช้ทำกันชนทั้งด้านหน้าและด้านหลังเปลี่ยนมาใช้เป็นพลาสติก

ค.ศ. 1980
เดือนเมษายน "พัสสาท" คันที่ 2,000,000 ถูกผลิตขึ้น ณ โรงงานประกอบรถยนต์โฟล์คสวาเก้น ที่เมืองเอ็มเดน


โฟล์คสวาเก้น พัสสาท รุ่นที่สอง ( B 2 )

ค.ศ. 1980
เดือน พฤษจิกายน โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" รุ่นที่2 ได้ถูกแนะนำออกต่อสาธารณชน โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งแบบ เบนซิน และ ดีเซล ตั้งแต่ 54 ถึง 75 แรงม้า ( 40 ถึง 55 กิโลวัตต์ ) ทั้งในแบบรถเก๋ง 4 ประตู และในแบบสเตชั่น แวก้อน

ค.ศ. 1984
ในเดือนกรกฎาคม ยอดการผลิตของโฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" ทะลุถึงหลัก 3,000,000 คัน

ค.ศ. 1985
โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" รุ่นที่2 ( B2 ) ได้เปลี่ยนแปลงโฉมให้ดูทันสมัยมากขึ้น พร้อมทั้งมีเครื่องยนต์ ให้เลือกใช้มากยิ่งขึ้น และเป็นครั้งแรกที่ได้มีการติดตั้งเครื่องกรองไอเสีย แบบ3ทาง (Catalytic Converter) และ ระบบเบรค เอบีเอส ( ABS ) ในรถรุ่นนี้ด้วย

ค.ศ. 1987
โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" มียอดการผลิตถึง 4,000,000 คัน โดยแบ่งออกเป็นแบบต่างๆได้ดังนี้
1. รถยนต์ที่มีลักษณะท้ายลาด ( Fastback ) 2,500,000 คัน
2. รถยนต์นั่งแบบที่มีฝาประตูด้านหลัง ( Notchback ) 376,000 คัน
3. รถยนต์นั่งเอนกประสงค์ ( Squareback ) 1,200,000 คัน


โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" รุ่นที่3 ( B3 )

ค.ศ. 1988
ในเดือนเมษายน เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของโฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" นั่นก็คือโฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" รุ่นที่3 ( B3 )
ได้ถูกนำออกสู่ตลาดด้วยรูปทรงในสไตล์ของรถยนต์นั่งแบบที่มีฝาประตูด้านหลัง ( Notchback Saloon ) โดยมีขนาดของเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ตั้งแต่
- 1600ซีซี 75 แรงม้า ( 55กิโลวัตต์ )
- 1800ซีซี 90 แรงม้า ( 66กิโลวัตต์ )
- 1800ซีซี 107 แรงม้า ( 79กิโลวัตต์ )
เดือนมิถุนายน ปีเดียวกันนั้น โฟล์คสวาเก้น ได้แนะนำ โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" แวเรียนท์ โฉมใหม่ พร้อมกับเพิ่มเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 1600ซีซี 80 แรงม้า ( 59กิโลวัตต์ ) อินเตอร์คูลเลอร์ ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ใช้และในเดือนพฤศจิกายน ได้เพิ่มเครื่องยนต์ ขนาด 2000ซีซี 16วาล์ว 136 แรงม้า ( 100กิโลวัตต์ )

ค.ศ. 1989
หลังจากได้แนะนำ "พัสสาท" รุ่นที่3 ( B3 ) สู่ตลาดได้เพียงปีเดียว โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" B3 ก็ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยมียอดการผลิตสูงถึง 250,000 คัน

ค.ศ. 1990
ในวันที่ 8 มิถุนายน รถยนต์โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" คันที่ 5,000,000 ได้ถูกปล่อยออกจากสายการผลิต ที่โรงงานโฟล์คสวาเก้น เมืองเอ็มเดน

ค.ศ. 1991
เครื่องยนต์ วีอาร์6 ( VR6 ) ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ ที่มีชื่อเสียงของโฟล์คสวาเก้น ได้ถูกบบรรจุลงใน "พัสสาท" ด้วยขนาดความจุ 2.8ลิตร 175แรงม้า ( 128กิโลวัตต์ ) และเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบขนาด 1.9ลิตร

ค.ศ. 1992
วันที่ 17 ธันวาคม "พัสสาท" มียอดการผลิตสูงถึง 6,000,000 คัน และได้มีติดตั้ง เครื่องกรองอากาศ ( Pollen Filter ) ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในโฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" ทุกรุ่นทุกคัน


โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" รุ่นที่4 ( B4 )

ค.ศ. 1993
โฟลค์สวาเก้น ได้ทำการเปิดตัวรถยนต์ โฟลค์สวาเก้น "พัสสาท" รุ่นที่4 ( B4 ) ในงานแฟรงค์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" B4 มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้หลายขนาด ตั้งแต่ขนาด 78 ถึง 184 แรงม้า ( 55 ถึง 135 กิโลวัตต์ ) และ เครื่องยนต์ ดีเซล 6 สูบ ขนาด 2.9ลิตร
โดยใน "พัสสาท" B4 ได้เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานความปลอดภัยมากขึ้น อาทิเช่น
     - ถุงลมนิรภัยทั้งด้านผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า
     - ระบบเบรค เอบีเอส ( ABS )
     - เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบรั้งกลับ ( Belt Tensioner )
     - หมอนรองศีรษะที่เบาะนั่งด้านหลัง
     - ระบบกุญแจแบบมีรหัสเฉพาะ ( Immobilizer )

ค.ศ. 1994
ในเดือนมกราคม โฟล์คสวาเก้น ได้เปิดตัว โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" แวเรียนท์ ซินโคร รถยนต์นั่งในสไตล์สเตชั่นแวก้อน พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา เครื่องยนต์ขนาด 2.0ลิตร 115แรงม้า ( 85 กิโลวัตต์ )

ค.ศ. 1995
ยอดการจำหน่ายของ โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" สูงถึง 6,916,000 คัน


โฟล์คสวาเก้น "พัสสาท" รุ่นที่5 ( B5 )

ค.ศ. 1996
ในเดือนสิงหาคม ก็ได้เวลาสำหรับ โฟล์คสวาเก้น รุ่นที่5 ( B5 ) ที่ได้รับการเปิดตัวและแนะนำออกสู่ตลาดประวัติรถยนต์โฟล์คสวาเก้น พัสสาท